โรคผิวหนัง มีสาเหตุจากอะไร
โรคผิวหนัง (Skin) เป็นเนื้อเยื่อชั้นนอกสุดที่ห่อหุ้มทุกส่วนของร่างกาย แบ่งออกเป็น 2 ชั้น ชั้นนอกเรียกว่า หนังกำพร้า (Epidermis) และชั้นในซึ่งเรียกว่า หนังแท้ (Dermis)
ผิวหนังเป็นเนื้อเยื่อที่บอบบางมีความหนาตั้งแต่ 0.05 มิลลิเมตร (มม.) ไปจนถึง 1.5 มม. ทั้งนี้ขึ้นกับว่าเป็นผิวหนังในส่วนใดของร่างกาย ซึ่งผิวหนังที่บางที่สุดคือ หนังตา ส่วนผิวหนังที่หนาที่สุดคือ ผิวหนังส่วนส้นเท้า
หนังกำพร้า ประกอบด้วยเซลล์ส่วนใหญ่เป็นเซลล์ชนิดที่ผลัดตัวลอกได้เมื่อเป็นเซลล์ตัวแก่ คือ เซลล์ชนิดเนื้อเยื่อบุผิว (Epithelium) นอกจากนั้นยังประกอบด้วยเซลล์สำคัญอีกสองชนิดคือ เซลล์ชนิดเมลาโนไซต์ (Melanocyte) ซึ่งมีหน้าที่ปกป้องผิวหนังจากแสงแดด โดยมีเม็ดสีเพื่อดูดซับรังสียูวี (UV radiation) และเซลล์ชนิดเมอร์เคล (Merkel cell) ซึ่งเป็นเซลล์รับสัมผัสจากการกดเบียดทับหรือการสัมผัสอย่างเบาๆ ทั้งนี้เซลล์ทั้งสามชนิดนี้สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นมะเร็งผิวหนังได้ตามชนิดต่างๆของเซลล์เหล่านั้นคือ มะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา (เกิดจากเซลล์ชนิดเมลาโนไซต์) ที่มีความรุนแรงโรคสูง ชนิดเมอร์เคล (เกิดจากเซลล์ชนิดเมอร์เคล) ที่มีความรุน แรงโรคปานกลาง และชนิดเกิดจากเซลล์เนื้อเยื่อบุผิว ซึ่งมีความรุนแรงโรคต่ำกว่ามะเร็งทั้งสองชนิดที่กล่าวแล้ว
นอกจากนั้นในหนังกำพร้ายังมีเซลล์ชนิดช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่อผิวหนังและต่อร่างกายด้วยเรียกว่า เซลล์ลานเกอร์ฮานส์ (Langerhans cell) หนังแท้ ประกอบด้วยเซลล์สำคัญคือ เซลล์ในกลุ่มเนื้อเยื่ออ่อน (Soft tissue) เช่น เซลล์ไฟ โบรบลาส (Fibroblast) ซึ่งสร้างคอลลาเจนและเพื่อคงการยืดหยุ่น ความแข็งแรง และรูปทรงของผิวหนัง นอกจากนั้นยังประกอบด้วยหลอดเลือดหลอดน้ำเหลือง และเส้นประสาทต่างๆ
ในหนังแท้ยังมีต่อมต่างๆหลายชนิดเพื่อสร้างไขมัน สร้างเหงื่อ สร้างกลิ่น และสร้างขน เพื่อการหล่อเลี้ยง ปกป้องผิวหนัง ช่วยผิวหนังในการทำหน้าที่ต่างๆ และช่วยร่างกายขับของเสียออกทางเหงื่อ
ผิวหนังมีหน้าที่อย่างไร?

ผิวหนังมีหน้าที่หลายอย่างคือ
- ปกป้องเนื้อเยื่อและอวัยวะภายในทั้งหมดจากการไม่ดูดซึมสารแปลกปลอมที่ร่างกายไม่ต้องการหรือที่เป็นพิษต่อร่างกาย
- ช่วยคงรูปร่างของร่างกาย
- ปกป้องร่างกายจากแสงยูวีจากแสงแดด
- ช่วยรักษาระดับอุณหภูมิภายในร่างกายให้คงที่ จากการขับเหงื่อและจากการขยายหรือ หดตัวของหลอดเลือด
- ช่วยร่างกายกำจัดของเสียออกทางเหงื่อ
- ช่วยร่างกายสร้างวิตามิน ดี โดยสังเคราะห์จากแสงแดด
- รับความรู้สึกต่างๆเช่น หนาว ร้อน เจ็บ การกระแทก
- ป้องกันร่างกายจากการรุกรานของเชื้อโรคและสารต่างๆ และยังสร้างภูมิคุ้มกันต้านทานโรคทั้งของผิวหนังเองและของร่างกาย
โรคผิวหนัง มีโรคอะไรบ้าง?
ผิวหนังประกอบด้วยเซลล์หลากหลายชนิดดังกล่าวแล้ว ซึ่งเซลล์ทุกชนิดสามารถเกิดเป็นโรคได้ทั้งหมดตั้งแต่โรคที่มีความรุนแรงต่ำเช่น เป็นสิว ไปจนถึงโรคความรุนแรงสูงเช่น โรคมะเร็ง
โดยทั่วไปแบ่งโรคผิวหนังเป็น 2 กลุ่มใหญ่ตามสาเหตุหลักคือ
- โรคผิวหนังที่เกิดจากเซลล์ของผิวหนังเอง ซึ่งรวมทั้งเซลล์ของต่อมต่างๆของผิวหนังด้วย ผู้ป่วยในกลุ่มนี้มักมีอาการเฉพาะผิวหนัง ไม่มีอาการอื่นๆร่วมด้วย ซึ่งการรักษาโรคในกลุ่มนี้ อาจโดยแพทย์โรคผิวหนัง (Dermatologist/เดอร์มาโตโลจีส/แพทย์สาขาตจวิทยา) หรือ แพทย์ทั่วไป (ซึ่งอาจปรึกษาแพทย์โรคผิวหนังในภายหลัง เมื่อผู้ป่วยมีอาการซับซ้อนทางผิว หนัง)
- อาการทางผิวหนังจากเป็นอาการหนึ่งของโรคทางร่างกายอื่นๆเช่น มะเร็งหลอดอาหารกระจายมาผิวหนังโดยคลำได้เป็นปุ่มก้อนเนื้อที่ผิวหนังผื่นที่ผิวหนังเช่น จากโรคหัด หรือผื่นจากการแพ้ยา หรือจากฝุ่นละออง ซึ่งโรคในกลุ่มนี้ ผู้ป่วยมักมีอาการของโรคนั้นๆร่วมด้วยเสมอ เช่น กลืนลำบากผอมลงมากเมื่อเป็นมะเร็งหลอดอาหารร่วมกับโรคแพร่กระจายมายังผิวหนัง หรือมีไข้ ปวดเมื่อยตัวเมื่อผื่นเกิดจากโรคหัด หรือมีอาการจามมีน้ำมูก เมื่อผิวขึ้นผื่นจากแพ้ฝุ่นละออง ซึ่งแพทย์ผู้ให้การรักษาโรคในกลุ่มนี้มักเป็นแพทย์ทั่วไปหรือแพทย์เฉพาะทางโรคนั้นๆ ซึ่งบางครั้งจะปรึกษาขอความเห็นจากแพทย์โรคผิวหนังตามดุลพินิจของแพทย์ที่ให้การดูแลผู้ ป่วย
อนึ่ง บาดแผลจากอุบัติเหตุเช่น มีดบาดหรือถูกยิง ไม่จัดเป็นโรคผิวหนัง แต่จัดเป็นผู้ป่วยด้านศัลยกรรม
โรคผิวหนัง มีสาเหตุจากอะไร?
โรคผิวหนัง เกิดได้จากมากมายหลายสาเหตุที่พบบ่อยคือ
- ต่อมต่างๆของผิวหนังอุดตันและ/หรือติดเชื้อเช่น เป็นสิว
- การติดเชื้อซึ่งติดเชื้อได้ทั้งแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา เช่น ฝีต่างๆ กลากเกลื้อนโรคเริมโรคงูสวัดโรคไฟลามทุ่ง
- จากโรคออโตอิมมูน/ภูมิแพ้ตนเอง (ภูมิต้านตนเอง) เช่น โรคพุ่มพวง/โรคเอสแอลอี(โรคลูปัส/Lupus)
- จากโรคภูมิแพ้เช่น ผื่นคันจากการสัมผัสขนสัตว์หรือเกสรดอกไม้
- จากการแพ้สารต่างๆเช่น ผื่นจากการแพ้ยา
- จากการขาดวิตามินบางชนิดเช่น การขาดวิตามิน บี 3
- จากร่างกายมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคบกพร่อง ผิวหนังจึงติดเชื้อได้ง่ายเช่น ในโรคเอดส์
- จากโรคของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของผิวหนังเช่น โรคผิวหนังแข็ง (Scleroderma) และโรคแผลเป็นนูน
- จากผลของฮอร์โมนเช่น การขึ้นฝ้าในคนท้อง
- จากสูงอายุ (เซลล์ผิวหนังเสื่อมตามอายุ) เช่น กระในผู้สูงอายุ
- ไฝ ต่างๆ
- โรคทางพันธุกรรมเช่น ปานผิวหนังชนิดต่างๆ (เช่น ปานแดงในเด็กเล็ก)
- จากการถูกแสงแดดจัดเรื้อรัง ซึ่งนอกจากเป็นปัจจัยให้เซลล์ผิวหนังเสื่อมก่อนวัยแล้ว ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังด้วย
โรคผิวหนัง มีอาการอย่างไร?
อาการของโรคผิวหนังขึ้นกับสาเหตุที่อาจพบได้เช่น ผิวหนังขึ้นผื่น เป็นจุดหรือเป็นดวง เป็นปื้น เป็นผื่นนูน เป็นแผ่น เป็นตุ่มเนื้อ เป็นตุ่มน้ำ เป็นตุ่มเลือด เป็นตุ่มพอง เป็นตุ่มหนอง เป็นติ่งเนื้อ เป็นถุงน้ำ เป็นแผล เป็นแผลเปื่อย เป็นแผลแตก เป็นแผลรอยแยกภาวะหลอดเลือดฝอยพอง ปานไฝหูด (โรคหูด) ก้อนเนื้อ และ/หรือแผลเรื้อรัง ทั้งนี้อาจร่วมกับอาการบวม แดง คัน และ/หรือสีของผิวหนังผิดปกติเช่น สีคล้ำ สีออกแดง/ชมพู หรือสีออกม่วง ทั้งนี้ขึ้นกับแต่ละสาเหตุ
แพทย์วินิจฉัยโรคผิวหนังได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยโรคผิวหนังได้จากประวัติอาการการตรวจร่างกาย การตรวจความผิดปกติของผิวหนัง ทั้งลักษณะผื่นหรือตุ่มหรือก้อนเนื้อ รูปร่าง สี และตำแหน่งที่เกิดโรค รวมทั้งการสอบถามถึงอาการร่วมต่างๆ ซึ่งบางครั้งอาจมีการขูดผิวหนังตรวจส่องกล้องจุลทรรศน์ดูการติดเชื้อ หรือดูลักษณะของเซลล์ (การตรวจทางเซลล์วิทยา) หรือการเพาะเชื้อ อาจมีการตรวจเลือดตามสาเหตุที่แพทย์สงสัยเช่น ผื่นในโรคเอดส์ และบางครั้งอาจตัดชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา
รักษาโรคผิวหนังได้อย่างไร?
การรักษาโรคผิวหนังขึ้นกับสาเหตุเช่น การรักษาความสะอาดเมื่อเกิดจากสิว การกินยา/ทายาปฏิชีวนะเมื่อเกิดจากติดเชื้อ และการรักษาด้วยการผ่าตัดเมื่อเป็นโรคมะเร็ง
โรคผิวหนัง รุนแรงไหม?
ความรุนแรงของโรคผิวหนังขึ้นกับสาเหตุเช่น ไม่รุนแรงเมื่อเป็นสิว หรือรุนแรงมากเมื่อเป็นโรคมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา
ดูแลผิวหนังอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?
การดูแลผิวหนังโดยทั่วไปและการพบแพทย์คือ
- รักษาความสะอาดผิวหนังเสมอโดยการใช้สบู่ที่อ่อนโยน
- ปกป้องผิวหนังจากแสงแดดเมื่อต้องโดนแดดจัดหรือทำงานกลางแจ้งเช่น ใส่เสื้อแขนยาว ใส่หมวกปีกกว้าง และ/หรือทายากันแดด
- กินอาหารมีประโยชน์ครบทั้ง 5 หมู่ทุกวัน เพิ่มผักและผลไม้ เพื่อชะลอผิวเสื่อมก่อนวัย
- เลือกเครื่องสำอางและเครื่องใช้ต่างๆชนิดที่อ่อนโยนต่อผิวเช่น ครีมบำรุงผิว น้ำยาโกนหนวด รวมทั้งยาสีฟัน และทิชชูทำความสะอาด
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นจัด ผิวจะแห้งมาก (อ่านเพิ่มเติมในบทความเรื่อง ผิวแห้ง) ผิวเสื่อมได้ง่าย
- เลิกบุหรี่ ไม่สูบบุหรี่ เพราะสารพิษในควันบุหรี่ทำลายเซลล์ผิวหนังและยังเป็นสาเหตุของหลอดเลือดตีบผิวหนังจึงเสื่อมง่ายจากขาดเลือด
- เรียนรู้ชีวิต ควบคุมความเครียด เพราะเป็นสาเหตุของสิวและผิวหน้าย่นได้ก่อนวัย
- หลีกเลี่ยงสารที่ก่ออาการแพ้ต่อผิวหนัง
- รักษาควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคผิวหนัง
- สังเกตผิวหนังตนเองเสมอเช่น ขณะอาบน้ำและแต่งตัว เมื่อพบสิ่งผิดปกติควรพบแพทย์
- การพบแพทย์เมื่อผิวหนังผิดปกติไปจากเดิมและไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ ควรพบแพทย์เสมออาจเป็นแพทย์ทั่วไปหรือแพทย์โรคผิวหนังก็ได้ หรือเมื่อมีความกังวลในการผิด ปกติของผิวหนัง ทั้งนี้เพราะโรคผิวหนังเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุดังกล่าวแล้วตั้งแต่ไม่รุนแรงไปจนถึงโรครุนแรงอย่างโรคมะเร็ง
อนึ่ง อาการสำคัญของมะเร็งผิวหนังคือ มีแผลเรื้อรังแผลไม่หายหลังจากดูแลตนเองภาย ใน 2 สัปดาห์ หรือมีก้อนเนื้อโตเร็ว หรือเป็นไฝ/ปาน โตเร็ว ขอบไม่เรียบ ฝังตัวลึกในผิวหนัง และแตกเป็นแผลเลือดออกเรื้อรัง ซึ่งเมื่อมีอาการเหล่านี้ต้องรีบพบแพทย์เสมอ
ป้องกันโรคผิวหนังได้อย่างไร?
วิธีป้องกันโรคผิวหนังเช่นเดียวกับที่กล่าวแล้วในหัวข้อ การดูแลตนเองและการป้องกันมะเร็งผิวหนัง ซึ่งที่สำคัญคือ
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดเรื้อรัง
- กินอาหารมีประโยชน์ 5 หมู่ให้ครบถ้วนในทุกวัน
- ดูแลรักษาความสะอาดผิวหนังเสมอ
- สังเกตและหลีกเลี่ยงสารต่างๆที่ก่อการระคายเคืองหรือก่ออาการแพ้ต่อผิวหนัง
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก http://bit.ly/2wgOMMP
วิธีดูแลผิวหน้าและรูปร่าง ให้สวยดุจสาวเกาหลี ตอนที่ 1
วิธีดูแลผิวหน้าและรูปร่าง ให้สวยดุจสาวเกาหลี ตอนที่ 2
ติดต่อสอบถามและจองคิวได้ที
เนรมิตคลินิก สาขาหน้าศาลากลางโคราช
โทร. 044-341440 , 081-9557165
เนรมิตคลินิก สาขาหน้าเดอะมอลล์โคราช
โทร. 044-295440 , 081-7251152
หรือ inbox สอบถามข้อมูลที่
m.me/neramitclinic
Good looks bring you good lucks !!