ผ่าตัดแผลเป็นนูนคีลอยด์ที่ใบหู
ผ่าตัดแผลเป็นนูนคีลอยด์ที่ใบหู
ผ่าตัดแผลเป็นนูนคีลอยด์ที่ใบหู แผลคีลอยด์เป็นภาวะที่ส่วนของผิวหนังมีการทำลายเนื้อเยื่อและเลือดอักเสบ การรักษาแผลคีลอยด์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการติดเชื้อและส่งเสริมการหายของแผลให้เร็วขึ้น ด้วยขั้นตอนการรักษาที่ถูกต้องและการดูแลที่เหมาะสม คุณสามารถช่วยให้แผลคีลอยด์หายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือบทความที่จะสอนเราวิธีการรักษาและป้องกันแผลคีลอยด์ให้เหมาะสม และลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะนี้อีกครั้ง
“การเข้าใจและรักษาแผลคีลอยด์”
แผลคีลอยด์เป็นชนิดของรอยแผลที่เกิดขึ้นหลังจากบาดเจ็บหรือบาดเจ็บ แต่ต่างจากรอยแผลปกติ แผลคีลอยด์มักจะเจริญเติบโตเกินพื้นที่ของแผลเดิมและมักมีความหนาและเข้มสีมากขึ้น สาเหตุของแผลคีลอยด์เกิดจากการสร้างคอลลาเจนมากเกินไปในระหว่างกระบวนการหายของแผล
การรักษาแผลคีลอยด์สามารถเป็นที่ท้าทาย เนื่องจากมักมีการกลับมาของแผลคีลอยด์แม้หลังจากถูกกำจัดออกแล้ว อย่างไรก็ตาม มีวิธีการหลายวิธีที่มีอยู่เพื่อช่วยจัดการและลดการปรากฏของแผลคีลอยด์
หนึ่งในวิธีการรักษาที่พบบ่อยคือการฉีดสเตียรอยด์ ซึ่งช่วยลดการอักเสบและทำให้เนื้อเยื่อแผลเรียบขึ้น การฉีดสเตียรอยด์จะทำทุกๆ หลายสัปดาห์จนกระทั่งแผลคีลอยด์ดีขึ้น
อีกทางเลือกหนึ่งคือการถอดแผลคีลอยด์ด้วยการผ่าตัด ตามด้วยการรักษาด้วยรังสีเพื่อป้องกันการกลับมาของแผล วิธีนี้มักถูกนำมาใช้สำหรับแผลคีลอยด์ขนาดใหญ่หรือแผลที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่นๆ
การใช้วิธีการเย็นเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งเป็นการใช้ไนโตรเจนเหลวเย็นเข้าสู่แผลคีลอยด์ เพื่อช่วยลดขนาดและลดการปรากฏของแผล อย่างไรก็ตาม อาจจำเป็นต้องทำการหลายครั้งและมีความเสี่ยงต่อการทำลายผิวหนังหรือการเปลี่ยนสีผิว
ผ้าแผ่นซิลิโคนหรือครีมที่มีส่วนผสมของซิลิโคนสามารถใช้ประทับแผลคีลอยด์เพื่อทำให้เนื้อเยื่อเรียบลงและมีความนุ่ม ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักถูกใช้ร่วมกับวิธีการรักษาอื่นๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
นอกจากการรักษาทางการแพทย์ ยังมีขั้นตอนที่คุณสามารถทำเองที่บ้านเพื่อช่วยจัดการแผลคีลอยด์ได้ด้วย เช่น การให้ความชุ่มชื้นแก่แผลและการดูแลผิวหนังให้ดี
สรุปมาแล้ว การรักษาแผลคีลอยด์มีความท้าทาย แต่ไม่ใช่เรื่องที่หายยากไป ด้วยวิธีการที่เหมาะสมและการดูแลอย่างเหมาะสม คุณสามารถจัดการและลดการปรากฏของแผลคีลอยด์ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผ่าตัดแผลเป็นนูนคีลอยด์ที่ใบหู
คีลอยด์ (keloid) คือภาวะผิวหนังที่มีการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อเกินปกติ โดยผิวหนังบริเวณนั้นจะบวมและแดงมากผิดปกติ และมีการขยายตัวออกไปนอกบริเวณบาดแผลเรื่อยๆและไม่หายไปตามธรรมชาติ ซึ่งทำให้คีลอยด์แตกต่างจากแผลเป็นนูน (hypertrophic scar) ตรงที่ แผลเป็นนูนนั้นไม่มีการขยายตัวเกินกว่ารอยบาดแผล และอาจยุบตัวลงได้ตามธรรมชาติ
แผลคีลอยด์เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อรูปร่างและความมั่นใจของบุคคล มันเกิดขึ้นเมื่อเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังเริ่มเจริญเติบโตมากเกินไป ผลักไปสู่การเกิดแผลที่ขนาดใหญ่และหนามากกว่าแผลปกติ มักมีลักษณะเป็นเส้นรอยที่ขึ้นไปสูง หรือปกคลุมพื้นที่แผลเดิมเพิ่มขึ้น โดยทั่วไปแผลคีลอยด์จะเป็นสีเข้มกว่าผิวหนังปกติ และมักเกิดบนส่วนของผิวหนังที่มีการบาดเจ็บเช่นหู ไหล่ หรือที่ผ่านการผ่าตัดมาก่อน หรือเมื่อถูกกัดต่อยจากแมลง
สาเหตุหลักของแผลคีลอยด์คือการสร้างคอลลาเจนมากเกินไปในขณะที่ร่างกายกำลังฟื้นตัวจากบาดเจ็บ ซึ่งการสร้างคอลลาเจนเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการฟื้นตัว แต่ในบางครั้งมันสามารถเกินความจำเป็น และทำให้เกิดเนื้อเยื่อเพิ่มเติมที่รอยแผล ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นแผลคีลอยด์มีคนที่มีประวัติของแผลคีลอยด์ในครอบครัว หรือผู้ที่มีผิวหนังที่มีความต้านทานต่อการรักษาที่มีผลมากกว่า
การรักษาแผลคีลอยด์มักจะเป็นที่ท้าทาย และไม่มีวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดแบบถาวร แต่มีวิธีการรักษาที่สามารถช่วยลดความโกลาหลมและปรากฏของแผลได้ เช่น การใช้สเตียรอยด์ เป็นวิธีการที่พบมากที่สุดในการรักษาแผลคีลอยด์ โดยการฉีดสเตียรอยด์เข้าไปในแผลเพื่อช่วยลดการอักเสบและทำให้เนื้อเยื่อเรียบขึ้น การใช้สเตียรอยด์จะต้องซ้ำอย่างสม่ำเสมอ จนกว่าแผลจะดีขึ้น แต่มีความเสี่ยงที่แผลคีลอยด์จะกลับมาเป็นอย่างเดิมหลังหยุดรักษา
วิธีการรักษาอื่นๆ ที่สามารถใช้ได้รวมถึงการผ่าตัดเพื่อลบแผลคีลอยด์ออกไป แต่ในบางกรณี การผ่าตัดอาจทำให้เกิดแผลคีลอยด์อีกครั้ง ดังนั้นอาจจะต้องรับรังสีหรือใช้วิธีการรักษาอื่นเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการกลับมาของแผล อีกวิธีหนึ่งคือการใช้เทคโนโลยีเย็น เช่น การใช้ไนโตรเจนเหลวเย็นเพื่อลดขนาดและความโกลาหลมของแผล มีการวิจัยบางระดับที่แสดงให้เห็นว่าการใช้เทคโนโลยีเลเซอร์และเทคโนโลยีอื่นๆ ก็สามารถช่วยลดขนาดแผลคีลอยด์ได้
นอกจากวิธีการรักษา การป้องกันแผลคีลอยด์ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดแผลคีลอยด์ใหม่ เช่น การรักษาแผลให้แห้งและสะอาดตลอดเวลาหลังจากบาดเจ็บ การป้องกันการบาดเจ็บซ้ำ และการรักษาโรคที่อาจมีผลกระทบต่อการฟื้นตัวของแผล ผลิตภัณฑ์ที่ใช้รักษาผิวหนังที่มีส่วนผสมของซิลิโคนยังเป็นทางเลือกที่ดีในการป้องกันแผลคีลอยด์ใหม่ โดยช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื่นและลดความแข็งขึ้น
ในทางทฤษฎี แม้ว่าแผลคีลอยด์จะไม่ใช่สิ่งที่อันตรายต่อสุขภาพ แต่มันก็สามารถสร้างความไม่สะดวกและรบกวนในชีวิตประจำวันได้ แต่ความเสี่ยงนี้สามารถลดลงได้ด้วยการรักษาและการป้องกันที่เหมาะสม
สาเหตุ
เมื่อร่างกายเกิดบาดแผล กลไกของร่างกายจะสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเพื่อซ่อมแซมแผลส่วนนั้น แต่หากคอลลาเจนถูกสร้างมากเกินไป ก็อาจเกิดเป็นคีลอยด์ได้
ปัจจัยเสี่ยง
คีลอยด์มักเกิดขึ้นในบริเวณที่มีการยึดติดกันของเนื้อเยื่อ เช่น หน้าอก บ่าไหล่ คอ หลัง บริเวณที่เกิดแผลจากสิวซ้ำๆ และบริเวณหูจากการเจาะ ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ได้แก่ การบาดเจ็บซ้ำ การมีประวัติทางพันธุกรรม การตั้งครรภ์ และในผู้มีอายุไม่เกิน 30 ปี
ผลกระทบและปัญหาที่เกิดจากคีลอยด์
แม้คีลอยด์จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ก็อาจก่อให้เกิดการคันและปัญหาด้านรูปลักษณ์ ในกรณีที่แผลมีขนาดใหญ่และ/หรืออยู่ในตำแหน่งที่มีกล้ามเนื้อรั้ง ก็อาจทำให้เกิดความเจ็บปวดหรืออุปสรรคในการเคลื่อนไหวได้
วิธีการรักษาคีลอยด์
การรักษาคีลอยด์ทำได้หลายวิธี เช่น การใช้ยาทา เช่น ครีมหรือเจลที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ การฉีดยา การรักษาด้วยเลเซอร์ หรือการผ่าตัดเอาคีลอยด์ออก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของคีลอยด์ และการพิจารณาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
วิธีการป้องกันการเกิดคีลอยด์
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของคีลอยด์ แต่สามารถลดความเสี่ยงลงได้ เช่น หลีกเลี่ยงการสัก การเจาะหู หรือการผ่าตตัดที่ไม่จำเป็นหากมีประวัติคีลอยด์ในครอบครัว ดูแลรักษาแผลสดให้ดี รักษาสิวเป็นประจำเพื่อป้องกันแผลเป็นจากสิว และหากสงสัยว่าจะเป็นคีลอยด์ ให้ปรึกษาแพทย์อย่างทันท่วงที
การรักษาและป้องกันแผลคีลอยด์ต้องการความสะอาดและความระมัดระวัง โดยการดูแลและรักษาแผลอย่างเหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะนี้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้นอีกด้วย หากมีอาการผิดปกติหรือไม่แน่ใจเกี่ยวกับการรักษาแผล ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อคำแนะนำและการรักษาเพิ่มเติม
ผ่าตัดแผลเป็นนูน คีลอยด์ที่ใบหู @หมอปุ๊ NeramitClinic
https://www.youtube.com/watch?v=Mf0BVoUbdLQ